รวมทุกเรื่องราวน่าสนใจ

สรุปจบ! ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมวิธีคำนวณและตัวอย่างHighlights ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีที่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต้องจ่ายให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต., เทศบาล, ฯลฯ) เป็นประจำทุกปี บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทุกคนที่เข้าหลักเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีที่ดิน อัตราภาษีขึ้นอยู่กับมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และประเภทการใช้ประโยชน์ เช่น พื้นที่อยู่อาศัยอย่างบ้านเดี่ยว คอนโด หรือทาวน์โฮม พื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่พาณิชยกรรม  กรณีมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลังแรกเท่านั้น อย่างเช่น กรณีต่อเติมครัวหลังบ้าน ทาวน์โฮม หากไม่เกินจากมูลค่าที่กำหนด จะได้รับการยกเว้นภาษีตามเดิม ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร เคลียร์ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษีที่ต้องเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคือภาษีที่เราต้องจ่ายให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เช่น เทศบาล อบต.) เป็นประจำทุกปี คิดจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เราเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือที่ดินเปล่าก็ตาม เปรียบเสมือนค่าเช่าที่ดินให้กับชุมชนที่เราอาศัยอยู่    โดยเงินที่ได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือเงินที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น สร้างถนน ทำระบบระบายน้ำ หรือปรับปรุงสวนสาธารณะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน การเสียภาษีบ้านจึงเป็นเหมือนการแบ่งปันส่วนหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม    ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยทั่วไปแล้ว ทุกคนที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2567 ไม่ว่าจะเป็น บุคคลธรรมดา เจ้าของบ้านเรือนทั่วไปผู้เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นิติบุคคล บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กรต่าง ๆ ที่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้น บุคคลที่มีหน้าที่ในการจ่ายภาษีจึงควรทราบเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์คืออะไร ภาษีโรงเรือน 2567 จ่ายเมื่อไหร่ มีใครได้รับการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบ้าง อัตราภาษีเท่าไหร่ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและไม่ถูกลงโทษจากการหลีกเลี่ยงภาษี    ภาษีที่ดินมีกี่ประเภท สรุปให้เข้าใจง่าย เพื่อการวางแผนภาษีที่ดีกว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นมีการแบ่งประเภทของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกเป็น 4 ประเภทหลัก เพื่อสะดวกในการจัดเก็บภาษีและคำนวณอัตราภาษีให้เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ของทรัพย์สินนั้น ๆ โดยแต่ละประเภทจะมีลักษณะและอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป ดังนี้   ภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม เป็นค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เรียกเก็บจากที่ดินที่ใช้ในการทำการเกษตรกรรม เช่น นาข้าว สวนผลไม้ ไร่อ้อย เป็นต้น โดยมีอัตราภาษีที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม   ภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย เป็นภาษีที่ดินใหม่ที่เรียกเก็บจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยของบุคคล เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น โดยมีการแบ่งย่อยออกเป็นหลายระดับตามมูลค่าของทรัพย์สิน และมีการกำหนดอัตราภาษีบ้านที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เราจึงควรศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมานอกเหนือจากแค่ที่ดินและค่าโอนที่ดินด้วยเช่นกัน    ภาษีที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม เป็นค่าภาษีที่ดินที่เรียกเก็บจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เพื่อการค้าขาย หรือประกอบกิจการ เช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงาน เป็นต้น โดยมีอัตราการเสียภาษีที่ดินที่สูงกว่าประเภทอื่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างรายได้   ภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง และไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ใด ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากมีการคำนวณภาษีที่ดินที่ค่อนข้างสูง   อย่างไรก็ตาม หากมีที่ดินรกร้างว่างเปล่าและยังไม่นำไปใช้ประโยชน์ใด ๆ ก็ควรจะเสียภาษีที่ดินเป็นประจำทุกปี และควรมีการเข้ามาตรวจสอบว่าที่ดินถูกบุกรุกหรือไม่ เนื่องจากหากปล่อยปละละเลยและมีผู้บุกรุกแสดงเจตนาครอบครองที่ดินอย่างสงบและเปิดเผยนานครบ 10 ปี อาจถูกครอบครองปรปักษ์โดยผู้ที่บุกรุกได้   ต้องรู้! หากเลี่ยงการจ่ายที่ดินมีบทลงโทษอย่างไร การเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและมีโทษตามกฎหมายที่ร้ายแรง หากคุณกำลังคิดจะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีที่ดิน อาจมีโทษดังนี้ เสียเบี้ยปรับ หากชำระภาษีล่าช้าจะต้องเสียเบี้ยปรับตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอัตราเบี้ยปรับจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ค้างชำระ ดังนี้  40% ของภาษีค้างชำระ เมื่อชำระล่าช้าเกินจากระยะเวลาที่หนังสือแจ้งเตือนกำหนด  20% ของภาษีค้างชำระ เมื่อชำระล่าช้า แต่ชำระภายในระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือน  10% ของภาษีค้างชำระ เมื่อชำระล่าช้า แต่ชำระก่อนออกหนังสือแจ้งเตือน  ดอกเบี้ยเงินเพิ่ม นอกจากเบี้ยปรับแล้ว อาจมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มในรูปแบบดอกเบี้ย 1% ต่อเดือนของภาษีค้างชำระ นับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดชำระภาษี ไปจนถึงวันที่เราชำระภาษี โดยกำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่ให้เพิ่มเกินกว่าจำนวนที่เราต้องจ่ายภาษีที่ดิน  โทษทางอาญา หากมีการตรวจสอบพบว่าเรามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี สร้างหลักฐานเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี จะมีโทษทางอาญา จำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท  ตัวอย่างพฤติกรรมที่ถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี แจ้งข้อมูลเท็จ เช่น แจ้งมูลค่าทรัพย์สินต่ำกว่าความเป็นจริง ปกปิดทรัพย์สิน เช่น ไม่แจ้งรายการทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี แม้ว่าจะมีทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ชำระภาษีไม่ครบถ้วน ชำระภาษีน้อยกว่าจำนวนที่ควรชำระ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลงโทษ เราขอแนะนำให้ทุกคนเช็กภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2567 ออนไลน์ ผ่านช่องทาง https://mbmatax.bangkok.go.th/verifytax/ และชำระให้ถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด    สูตรคำนวณภาษีที่ดิน คำนวณเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องงง สูตรลับสำหรับทุกคน สำหรับผู้ที่มีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คงอยากทราบว่าเราจะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่จากสินทรัพย์ที่เรามี ซึ่งตามกฎหมายจะมีการกำหนดอัตราภาษีอย่างชัดเจน และเราสามารถนำเอาอัตราภาษีเหล่านั้นมาคำนวณได้ โดยมีสูตรการคำนวณ ดังนี้    1. สูตรคำนวณภาษีที่ดินของบ้านหลังแรก วิธีการคำนวณคือการหาภาษีสะสมในแต่ละช่วงมูลค่า ตามสูตร ‘มูลค่าอสังหาฯ x อัตราภาษี = ภาษีสะสม’ แล้วนำมารวมกัน โดยมีตารางของภาษีที่ดิน ดังนี้ ขั้น มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ช่วงมูลค่า อัตราภาษี ภาษีสะสม 1 ไม่เกิน 50 ล้านบาท 50 ล้านบาท 0.00% 0 บาท 2 มากกว่า 50 ล้านบาทจนถึง 75 ล้านบาท 25 ล้านบาท 0.03% 7,500 บาท 3 มากกว่า 75 ล้านบาทจนถึง 100 ล้านบาท 25 ล้านบาท 0.05% 12,500 บาท 4 มากกว่า 100 ล้านบาท - 0.10% - จะเห็นว่าสำหรับผู้ที่มีที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มีราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง แต่สำหรับใครที่มีบ้านราคามากกว่า 50 ล้าน จะต้องเสียภาษีที่ดินในลักษณะขั้นบันไดตามสูตรอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2567 นี้ เช่น บ้านราคา 80 ล้านบาท ขั้นที่ 1 (50 ล้านบาท x 0.00% = 0 บาท) ขั้นที่ 2 (25 ล้านบาท x 0.03% = 7,500 บาท) ขั้นที่ 3 (5 ล้านบาท x 0.05% = 2,500 บาท) ดังนั้นบ้านหลังนี้จะเสียภาษีที่ดิน = ขั้นที่ 1 + ขั้นที่ 2 + ขั้นที่ 3 = 10,000 บาท 2. สูตรคำนวณภาษีที่ดินของบ้านหลังที่สอง สำหรับใครที่มีบ้านหลังที่สอง จะถูกคิดภาษีที่ดิน 2567 ทุกกรณี ดังตารางต่อไปนี้ ขั้น มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ช่วงมูลค่า อัตราภาษี ภาษีสะสม 1 ไม่เกิน 50 ล้านบาท 50 ล้านบาท 0.02% 10,000 บาท 2 มากกว่า 50 ล้านบาทจนถึง 75 ล้านบาท 25 ล้านบาท 0.03% 7,500 บาท 3 มากกว่า 75 ล้านบาทจนถึง 100 ล้านบาท 25 ล้านบาท 0.05% 12,500 บาท 4 มากกว่า 100 ล้านบาท - 0.10% - โดยคนที่มีบ้านหลังที่สองในมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาทก็ต้องเสียค่าภาษีที่ดิน 10,000 บาท และสำหรับคนที่มีบ้านหลังที่สองในมูลค่าที่เกินกว่านั้นก็สามารถคำนวณตามวิธีคิดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสูตรเดิมได้เลย 3. สูตรคำนวณภาษีของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่รกร้าง สำหรับคนที่สงสัยว่าที่ดินว่างเปล่าเสียภาษีเท่าไหร่ หากเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะเห็นตามตารางว่าจะโดยเก็บอัตราภาษีเยอะกว่ามีสิ่งปลูกสร้าง ในแบบขั้นบันได ดังนี้ ขั้น มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ช่วงมูลค่า อัตราภาษี ภาษีสะสม 1 ไม่เกิน 50 ล้านบาท 50 ล้านบาท 0.30% 150,000 บาท 2 มากกว่า 50 ล้านบาทจนถึง 200 ล้านบาท 150 ล้านบาท 0.40% 600,000 บาท 3 มากกว่า 200 ล้านบาทจนถึง 1,000 ล้านบาท 800 ล้านบาท 0.50% 4,000,000 บาท 4 มากกว่า 1,000 ล้านบาทจนถึง 5,000 ล้านบาท 4,000 ล้านบาท 0.60% 24,000,000 บาท 5 มากกว่า 5,000 ล้านบาท - 0.70% -   4. การชำระเงิน เสียภาษีที่ดิน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาสำหรับใครที่มีที่ดินอาจจะได้รับจดหมายจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเราตั้งอยู่ส่งมาเพื่อพิจารณาและจำแนกประเภทที่ดินที่เรามี โดยใช้เป็นหลักในการคำนวณและประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่หลายคนเรียกกันว่าใบเสียภาษีที่ดิน หากไม่ได้จดหมายแจ้ง ให้ติดต่อไปยังสำนักงานเขต หรือ อบต. ในพื้นที่ที่เรามีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ หลังจากนั้นก็คำนวณภาษีที่ดินและจ่ายได้ครบถ้วนได้ที่ สำนักงานเขต ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หรือเครื่อง ATM ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ โดยสามารถผ่อนชำระภาษีได้สูงสุด 3 งวด ซึ่งงวดแรกต้องชำระภายในเดือนมิถุนายน   หากพบปัญหาระหว่างทาง เช่น ถูกจัดประเภทที่ดินผิด และอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานเขตที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อความถูกต้อง สำหรับใครที่ปีนี้โดนภาษีที่ดินโดยเฉพาะภาษีที่ดินรกร้าง 2567 เยอะจนปวดหัว ให้ลองปรับที่ดินเหล่านั้นให้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรหรือเพื่ออยู่อาศัยก็จะช่วยลดภาษีได้เยอะขึ้นมาก หากเราเตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะไม่ฉุกละหุกและเกิดข้อผิดพลาดตามมา    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีที่หลายคนยังคงสงสัยและมีคำถามมากมาย ทั้งเรื่องภาษีที่ดินคิดยังไง อัตราภาษี การยื่นแบบ และการชำระภาษี เพื่อให้ทุกคนเข้าใจภาษีประเภทนี้ได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีประเภทนี้กัน   ภาษีโรงเรือนคืออะไร ยังมีการจัดเก็บอยู่หรือไม่ ภาษีโรงเรือน 2567 ในปัจจุบันไม่มีแล้ว เนื่องจากเป็นภาษีเก่าที่เคยมีการจัดเก็บมาก่อน โดยคิดจากราคาประเมินที่ดินจากอาคารพาณิชย์ โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่ติดกับที่ดินนั้น  สำหรับใครที่สงสัยว่าภาษีโรงเรือนคิดยังไง? ภาษีประเภทดังกล่าวจะเน้นไปที่สิ่งปลูกสร้างเป็นหลัก และมูลค่าของภาษีจะขึ้นอยู่กับรายได้ที่ได้จากการใช้ประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างนั้น ในขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีใหม่ที่เข้ามาแทนที่ภาษีโรงเรือน โดยคิดจากมูลค่าของทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่รวมกัน ไม่ได้เน้นไปที่รายได้จากการใช้ประโยชน์เหมือนภาษีโรงเรือนอีกต่อไป ทำให้การคำนวณภาษีมีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น   ภาษีที่ดินว่างเปล่าคืออะไร ทำไมอัตราภาษีถึงสูงกว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทอื่น  การจัดเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่า 2567 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การสร้างที่อยู่อาศัย การสร้างอาคารพาณิชย์ หรือการนำไปใช้ในการเกษตร ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและลดปัญหาสังคมที่เกิดจากที่ดินว่างเปล่า เช่น ปัญหาสลัม หรือปัญหาการกักตุนที่ดิน แม้ว่าที่ดินว่างเปล่า ภาษีจะค่อนข้างสูง แต่ก็มีวิธีการบางอย่างที่สามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้ นั่นก็คือการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายที่กำหนด เช่น การสร้างบ้าน การปลูกพืช หรือการสร้างอาคารเพื่อการค้า โดยการใช้ประโยชน์จะต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบัญญัติของท้องถิ่น ดังนั้น หากคุณไม่อยากเสียภาษีที่ดินว่างเปล่าในราคาที่สูง เราขอแนะนำให้นำเอาที่ดินไปใช้ประโยชน์เลย    ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในการทำเกษตรกรรม ต้องจ่ายภาษีด้วยหรือไม่ อัตราภาษีเท่าไหร่  สำหรับใครที่ถือครองที่ดินเกษตรกรรมหรือได้นำเอาที่ดินมาใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม จะมีภาษีที่นาหรือภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมในอัตรา 0.01% ถึง 0.1%   ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้าใจง่าย จ่ายถูก ไม่เสียเปรียบ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีที่รัฐบาลไทยจัดเก็บจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ไปพัฒนาพื้นที่และสาธารณูปโภคในท้องถิ่น อัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีการแบ่งช่วงมูลค่าและกำหนดอัตราการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่างกันไป    ผู้ที่มีที่ดินมูลค่าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนผู้ที่มีที่ดินมูลค่าเกินเกณฑ์จะต้องชำระภาษีตามอัตราที่เกี่ยวข้อง การคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างค่อนข้างซับซ้อน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ หรือค่าปรับหากชำระภาษีล่าช้า    ดังนั้น สรุปภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคือเงินที่รัฐจัดเก็บเพื่อนำเอาไปพัฒนาสังคม ผู้มีหน้าที่เสียภาษีทุกคนจึงควรเสียภาษีอย่างถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ประเทศของเรามีเงินในการพัฒนาต่อไป และยังช่วยป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถูกเรียกเก็บค่าปรับ และดอกเบี้ยตามมาในภายหลัง
Research and Knowledge
เช็ก! ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 ต้อนรับความสุขและความมั่งคั่งสายมูเตลูต้องรู้ก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่ ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา และเป็นที่พึ่งทางใจ เราจึงต้องมองหาฤกษ์งามยามดีไว้ใช้จัดพิธีขึ้นบ้านใหม่เพื่อเป็นการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ให้หลั่งไหลเข้ามาในชีวิต สำหรับใครที่เพิ่งซื้อบ้านหลังแรกและกำลังหาฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 วันไหนดี ในบทความนี้เราได้รวบรวมฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ปี 2567 ซึ่งระบุช่วงเวลาประจำแต่ละเดือนที่เหมาะสมมาให้แล้ว จะมีวันไหนที่ช่วยเสริมสิริมงคลให้กับครอบครัวได้ถ้วนหน้ากันบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย!   Highlights การดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 มีขึ้นเพื่อใช้ดูวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับประกอบพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โดยเชื่อว่าฤกษ์ที่ดีจะนำพาความโชคดี ความมั่งคั่ง และเสริมสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย การหาฤกษ์ยามมงคลจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เนื่องจากขึ้นอยู่กับเลขมงคลที่เสริมดวงและโชคชะตา ราศีและวันเกิดของเจ้าของบ้าน โดยมีพระอาจารย์หรือนักโหราศาสตร์เป็นผู้พิจารณา การดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่สามารถพิจารณาตามฤกษ์มงคล 4 รูปแบบ ได้แก่ มหัทธโนฤกษ์, ภูมิปาโลฤกษ์, เทวีฤกษ์ และราชาฤกษ์ นอกจากการดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ประจำปี 2567 แล้ว เจ้าของบ้านจำเป็นต้องจัดเตรียมสิ่งของทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ให้ครบถ้วน และนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ก่อนวันงาน 1-5 วัน   การขึ้นบ้านใหม่คืออะไร? การหาฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เพื่อทำพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของชาวไทยพุทธนั้น เป็นพิธีที่จัดขึ้นที่บ้านก่อนทำการย้ายเข้าอยู่อาศัย ซึ่งมีตั้งแต่สมัยโบราณเช่นเดียวกับการดูฮวงจุ้ยบ้าน เพราะเชื่อว่าฤกษ์งามยามดีจะช่วยนำพาความโชคดี, การอยู่เย็นเป็นสุข, ความเป็นสิริมงคล รวมถึงปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บให้ออกไปจากบ้าน โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้เจริญพระพุทธมนต์ ผู้อยู่อาศัย รวมถึงญาติสนิทสำคัญมาร่วมงาน เรียกได้ว่าเป็นพิธีทําบุญขึ้นบ้านใหม่ประจำปี 2567 ที่เสริมความราบรื่นในอนาคตแก่สมาชิกในบ้าน   เปิดวิธีขึ้นบ้านใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ไปดูกัน!   ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องมี? สำหรับใครที่เพิ่งซื้อบ้านหรือกำลังย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ การหาฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 นับเป็นความเชื่อที่สำคัญตามวัฒนธรรมไทย ด้วยการเลือกช่วงวัน-เวลาที่เหมาะสมตามฤกษ์เจ้าของบ้าน เพื่อให้การเตรียมตัวย้ายเข้าบ้านใหม่ไม่มีเรื่องติดขัด เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเชื่อว่าฤกษ์ที่ดีจะนำสิ่งมงคล ความโชคดี และความสุขมาสู่ผู้อยู่อาศัย ซึ่งการหาฤกษ์วันดีย้ายเข้าบ้านใหม่จะแตกต่างกันไปแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเลขมงคลที่เสริมดวงและโชคชะตา ราศี วันเกิดเจ้าของบ้าน โดยมีพระอาจารย์หรือนักโหราศาสตร์เป็นผู้พิจารณาฤกษ์   ดังนั้น การมีฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางความเชื่อที่มอบความสบายใจแก่เจ้าของบ้านให้สามารถประกอบพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ได้อย่างราบรื่น สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีและเชื่อมความสัมพันธ์แก่สมาชิกในครอบครัวด้วยเช่นกัน   เจ้าบ้านก็ต้องมีฤกษ์ในการขึ้นบ้านใหม่ ส่วนเพื่อน ๆ หรือแขกที่ไปร่วมงานก็ต้องมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝากกันหน่อย สำหรับใครอยากให้ผู้รับถูกใจต้องไม่พลาด หาไอเดียของขวัญดี ๆ เลยที่ : ของขวัญขึ้นบ้านใหม่   ฤกษ์ที่ดี ฤกษ์มงคล เหมาะกับการขึ้นบ้านใหม่ มีกี่แบบ ฤกษ์ดีขึ้นบ้านใหม่มีอะไรบ้าง? ก่อนพิจารณาฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 ผู้ที่กำลังสนใจหาฤกษ์วันดีควรรู้ความหมายของฤกษ์มงคลแต่ละรูปแบบให้เข้าใจเป็นอันดับแรก โดยทั่วไปแล้วฤกษ์มงคลสามารถพิจารณาเป็น 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้ มหัทธโนฤกษ์ : เป็นฤกษ์สำหรับการจัดพิธีมงคลเพื่อส่งเสริมความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง การเริ่มต้นชีวิต เช่น งานแต่งงาน, งานบวช, ธุรกิจการเงิน, งานขึ้นปีใหม่ ตลอดจนฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 ภูมิปาโลฤกษ์ : อีกหนึ่งฤกษ์ที่ดีสำหรับวันขึ้นบ้านใหม่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากภูมิปาโลฤกษ์ หมายถึง ผู้รักษาแผ่นดิน จึงเป็นฤกษ์มงคลกับงานสิ่งปลูกสร้างและที่ดิน เพื่อเสริมความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย การทำธุรกิจ เช่น การลงเสาเข็ม การตั้งศาลพระภูมิ การเริ่มต้นเพาะปลูก เป็นต้น เทวีฤกษ์ : เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับงานประณีต เน้นความสวยงาม หรูหรา ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดตัวสินค้าเครื่องประดับ ร้านเสริมสวย รวมถึงงานแต่งงาน อีกทั้งยังเป็นฤกษ์ที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้ใหญ่รักใคร่ เอ็นดู และนำพาโชคลาภมาให้ ราชาฤกษ์ : เป็นฤกษ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ การมีอำนาจ จึงเหมาะสำหรับงานพระราชพิธีทางการเมือง รวมถึงงานมงคลระดับประเทศ ในขณะเดียวกันสามารถใช้เป็นฤกษ์เข้าอยู่บ้านใหม่ได้เช่นกัน เพราะเชื่อว่าจะส่งเสริมบารมี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เจาะลึกวันมงคล ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 มีวันไหนบ้าง? ฤกษ์มงคลย้ายเข้าบ้านใหม่ วันไหนดีปี 2567 สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวขึ้นบ้านใหม่สามารถพิจารณาวันและเวลาที่เหมาะสมในแต่ละเดือนสำหรับฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ในปี 2567 ที่ SC Asset รวบรวมมาให้คุณแล้วตามข้อมูลด้านล่างนี้   ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนมกราคม วันจันทร์ที่ 1 มกราคม เวลา 06.43-06.42 น.  วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม เวลา 11.55-12.13 น.  วันเสาร์ที่ 6 มกราคม เวลา 15.43-16.01 น.  วันพุธที่ 10 มกราคม เวลา 18.00-18.18 น. วันจันทร์ที่ 15 มกราคม เวลา 06.35-11:39 น. วันพุธที่ 17 มกราคม เวลา 09.16-09.34 น.  วันเสาร์ที่ 20 มกราคม เวลา 05.26-05.44 น. และ 11.12-11.30 น. วันอังคารที่ 23 มกราคม เวลา 04.23-04.41 น. วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม เวลา 07.39-16.45 น. วันจันทร์ที่ 29 มกราคม เวลา 14.17-14.35 น. และ 20.56-21.14 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนกุมภาพันธ์ วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 06.46-01.27 น. วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 00.37-06.44 น. วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 06.42-12.04 น. วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 06.37-18.59 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนมีนาคม วันพุธที่ 6 มีนาคม เวลา 06.33- 09.22 น. วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม เวลา 06.32-07.31 น. วันพุธที่ 13 มีนาคม เวลา 06.27-22.34 น. วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม เวลา 06.25-20.30 น. วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม เวลา 02.18-06.21 น. และ 04.39-06.22 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนเมษายน วันจันทร์ที่ 1 เมษายน เวลา 06.14-17.33 น. วันพุธที่ 3 เมษายน เวลา 06.12-16.36 น. วันพฤหัสที่ 4 เมษายน เวลา 06.13-15.37 น. วันศุกร์ที่ 12 เมษายน เวลา 03.49-06.08 น. วันศุกร์ที่ 19 เมษายน เวลา 06.03-09.32 น. วันเสาร์ที่ 20 เมษายน เวลา 06.04-11.53 น. วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน เวลา 06.02-14.25 น. วันจันทร์ที่ 22 เมษายน เวลา 06.03-16.54 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนพฤษภาคม วันพุธที่ 8 พฤษภาคม เวลา 05.56-13.30 น. วันพฤหัสที่ 9 พฤษภาคม เวลา 05.54-12.28 น. วันพฤหัสที่ 16 พฤษภาคม เวลา 05.52-16.48 น. วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม เวลา 05.53-19.06 น. วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม เวลา 05.52-09.05 น. วันพุธที่ 29 พฤษภาคม เวลา 05.52-07.39 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนมิถุนายน วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน เวลา 05.51-22.54 น. วันพุธที่ 5 มิถุนายน เวลา 05.51-20.27 น. วันพฤหัสที่ 13 มิถุนายน เวลา 00.07-05.52 น. วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน เวลา 05.53-07.19 น. วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน เวลา 05.55-16.54 น. วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน เวลา 05.54-16.28 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนกรกฎาคม วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม เวลา 05.51-22.54 น. วันพุธที่ 3 กรกฎาคม เวลา 03.36-05.57 น. วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม เวลา 00.36-06.01 น. วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม เวลา 06.03-15.08 น. วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม เวลา 06.04-13.46 น. วันพุธที่ 31 กรกฎาคม เวลา 06.05-11.37 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนสิงหาคม วันพฤหัสที่ 8 สิงหาคม เวลา 06.05-19.10 น. วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม เวลา 06.06-21.41 น. วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม เวลา 06.06-08.16 น. วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม เวลา 06.07-08.16 น. วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม เวลา 06.08-07.41 น. วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม เวลา 06.07-23.15 น. วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม เวลา 06.08-21.51 น. วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม เวลา 06.07-20.34 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนกันยายน วันพฤหัสที่ 5 กันยายน เวลา 02.28-06.08 น. วันพฤหัสที่ 12 กันยายน เวลา 04.53-06.08 น. วันศุกร์ที่ 13 กันยายน เวลา 06.09-16.13 น. วันเสาร์ที่ 14 กันยายน เวลา 06.08-16.07 น. วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน เวลา 06.09-15.39 น. วันเสาร์ที่ 21 กันยายน เวลา 05.59-07.27 น. วันจันทร์ที่ 30 กันยายน เวลา 06.08-06.09 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนตุลาคม วันพุธที่ 9 ตุลาคม เวลา 06.09-23.30 น. วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม เวลา 06.10-15.39 น. วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม เวลา 06.11-14.04 น. วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม เวลา 06.11-12.42 น. วันพุธที่ 30 ตุลาคม เวลา 06.14-19.22 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนพฤศจิกายน วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 06.15-07.11 น. วันพฤหัสที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 06.16-07.43 น. วันพฤหัสที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 06.19-23.44 น. วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 06.20-22.14 น. วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน เวลา 06.21-19.34 น. วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 06.24-22.06 น. ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เดือนธันวาคม วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม เวลา 06.30-15.18 น. วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม เวลา 03.36-06.35 น. วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม เวลา 03.46-06.38 น. วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม เวลา 06.39-07.27 น. วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม เวลา 06.42-22.14 น.   เคล็ดลับเพิ่มเติม: ไหว้เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอก รวมวิธีไหว้แบบละเอียด   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 1. สิ่งของที่ต้องเตรียมก่อนขึ้นบ้านใหม่ มีอะไรบ้าง? ก่อนจัดพิธีขึ้นบ้านใหม่คุณต้องมองหาฤกษ์งามยามดีที่เหมาะสมตามที่พระอาจารย์ ผู้มีความรู้ทางโหราศาสตร์แนะนำ หรือพิจารณาตามข้อมูลฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 จาก SC Asset ก็ได้เช่นกัน พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ 5, 7 หรือ 9 รูป ตามจำนวนที่สะดวก โดยสิ่งของที่ต้องจัดเตรียมในพิธีขึ้นบ้านใหม่มีด้วยกันดังนี้ พระพุทธรูป ดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้มงคล ขนมไทยที่มีความหมายดี ชุดอาหารต่าง ๆ ได้แก่ สำรับข้าว, ขนมมงคล, ผลไม้มงคล, น้ำดื่ม, ข้าวสาร และอาหารแห้ง-ข้าวสาร  สำหรับการเตรียมสถานที่ประกอบพิธีในวันมงคลขึ้นบ้านใหม่ ได้แก่ โต๊ะหมู่บูชา, พระพุทธรูปคู่บ้าน, เครื่องนมัสการ, เครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์ และเครื่องใช้ในพิธีสงฆ์ ที่จะขาดไปไม่ได้คือ ขันทำน้ำมนต์   2. เมื่อได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่แล้ว มีขั้นตอนอย่างไร? หลังจากได้ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 แล้วการเตรียมตัวสำหรับทำพิธีขึ้นบ้านใหม่มีลำดับขั้นตอนดังนี้ อัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาในบ้านโดยผู้อาวุโสสูงสุด อาจตั้งไว้ที่ห้องพระหรือหิ้งพระที่ได้จัดเตรียมไว้ นำข้าวสารอาหารแห้งที่จัดเตรียมไว้มาวางบริเวณกลางบ้าน ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะช่วยเกื้อหนุนให้บ้านอุดมสมบูรณ์ มีเงินทองไหลมาเทมา และมีความเจริญก้าวหน้า นำดอกไม้ ธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปที่อัญเชิญเข้ามาในบ้าน ถวายของมงคลต่าง ๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับขึ้นบ้านใหม่ 2567 ทั้งผลไม้ อาหารคาว-หวาน และน้ำดื่ม จัดดอกไม้ ธูปเทียน และอาหารคาว-หวาน ผลไม้มงคล และน้ำดื่มอีก 1 ชุด เพื่อบอกกล่าวเจ้าที่สำหรับการย้ายเข้ามาอยู่อาศัย ให้ท่านช่วยดูแลคุ้มครองให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขทั้งกายและใจ ทั้งนี้ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ คือ การเจิมบ้านและพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่ผ่านพิธีขึ้นบ้านใหม่รอบ ๆ บริเวณบ้าน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น   สรุปฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เช็กฤกษ์ดีประจำปี เสริมมงคล ก่อนย้ายเข้า การดูฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เป็นการดูฤกษ์วันและเวลาที่เหมาะสมเพื่อใช้สำหรับประกอบพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของไทย โดยเชื่อว่าฤกษ์วันดีเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่จะนำพาความโชคดี ความมั่งคั่ง ตลอดจนความเป็นสิริมงคลมาให้แก่สมาชิกในบ้าน นอกจากฤกษ์มงคลแล้วบ้านทำเลดีย่อมอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ SC Asset เรามีหลากหลายโครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยรอบด้าน ให้คุณวางแผนเริ่มต้นชีวิตดี ๆ พร้อมดูฤกษ์วันดีย้ายเข้าบ้านใหม่ได้แบบสบายใจ!
Inspiration
เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม อยากมีบ้าน เตรียมตัวก่อนขอสินเชื่อยังไงดี?Highlight เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม? ซื้อได้แน่นอน ส่วนจะได้วงเงินกู้เท่าไหร่ สามารถคำนวณได้จากสูตร เงินเดือนที่ได้รับ x อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (DSR) เงินเดือน 15,000 บาท ผ่อนบ้านได้สูงสุด 6,000 บาทต่อเดือน ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อนกู้ซื้อบ้านควรศึกษาลักษณะของดอกเบี้ยบ้าน เงื่อนไขของสินเชื่อ และเคลียร์หนี้เก่าให้หมด การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นวิธีเพิ่มวงเงินกู้ให้สูงขึ้น จนสามารถซื้อบ้านในราคาเกินกว่าฐานเงินเดือนได้   ตอบข้อสงสัย เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม? เด็กจบใหม่ที่มีความฝันอยากซื้อบ้านหลังแรกต่างสงสัยว่า ถ้าเริ่มทำงานแล้วได้เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท จะซื้อบ้านได้ไหม? คำตอบคือ ได้ แต่ต้องพิจารณาความสามารถในการผ่อนด้วยว่าผ่อนชำระไหวหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วว่าค่าผ่อนบ้านสูงเกินไป จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรซื้อบ้านในราคาจับต้องได้    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทำงานได้เงินเดือนหมื่นห้าแล้วจะกู้ซื้อบ้านได้ทันที เพราะธนาคารจะตรวจสอบประวัติการทำงานเสียก่อนว่าทำงานมาแล้วทั้งหมดกี่เดือน และผ่านช่วงโปรมาแล้วหรือไม่ ซึ่งปกติต้องทำงานมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี ธนาคารถึงจะพิจารณาอนุมัติปล่อยสินเชื่อบ้าน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากธนาคารต้องการประเมินว่าผู้กู้มีรายได้มั่นคงมากเพียงใด และมีความสามารถในการชำระหนี้จริงหรือไม่   เงินเดือน 15,000 สามารถกู้ซื้อบ้านในงบราคาเท่าไร? หลังจากรู้ว่าเงินเดือน 15,000 บาทซื้อบ้านได้ไหมแล้ว? คำถามต่อมาคือ เงินเดือน 15,000 กู้ซื้อบ้านได้ในราคาเท่าไหร่? ซึ่งสามารถหาวงเงินกู้ซื้อบ้านได้จากสูตร   วงเงินกู้ซื้อบ้าน = (เงินผ่อนบ้านต่อเดือน - ค่าผ่อนชำระหนี้อื่นๆ) x 150  แต่ทั้งนี้จำนวนเงินผ่อนบ้านต่อเดือน ไม่ใช่ตัวเลขที่ผู้กู้จะเดินไปบอกธนาคารได้ว่าตนเองผ่อนชำระต่อเดือนได้เท่าไหร่ เพราะธนาคารจะเป็นผู้ประเมินว่าฐานเงินเดือน 15,000 บาทของผู้กู้จะผ่อนชำระไหวไหม? และผ่อนชำระได้สูงสุดเท่าไหร่? ถึงจะไม่กระทบต่อภาระทางการเงินมากเกินไป ด้วยสูตรดังนี้   เงินผ่อนบ้านสูงสุดต่อเดือนที่ผู้กู้จะผ่อนชำระไหว = เงินเดือนที่ได้รับ x DSR โดย DSR คือ Debt Service Ratio เป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดว่าผู้กู้ไม่ควรรับภาระหนี้เกินกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมด เพราะจะกระทบต่อภาระทางการเงินมากเกินไป ทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ใช้ตัวเลข DSR เท่ากับ 40%  ดังนั้นหากทำงานได้เงินเดือน 15,000 บาท จะผ่อนบ้านได้สูงสุดต่อเดือนไม่เกิน 15,000 x 40% = 6,000 บาท และเมื่อแทนค่าเข้าไปในสูตรหาวงเงินกู้ซื้อบ้าน จะได้ว่าวงเงินกู้ซื้อบ้านสูงสุด คือ (6,000 - 0) x 150 = 900,000 บาท อย่างไรก็ตามไม่ใช่ผู้กู้เงินเดือน 15,000 บาททุกรายจะได้วงเงินกู้ซื้อบ้าน 900,000 บาทเสมอไป เพราะถ้าผู้กู้มีภาระผ่อนหนี้อื่นๆ ก็จะทำให้วงเงินกู้ซื้อบ้านลดลง และหากเห็นว่าฐานเงินเดือน 15,000 บาท ได้วงเงินกู้น้อยเกินไป จนไม่สามารถซื้อบ้านในฝันราคา 2 ล้านบาทได้ ก็ควรรอให้ฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้นก่อน แล้วค่อยยื่นกู้ภายหลังก็ได้เช่นกัน   แจกเคล็ดลับที่คนเงินเดือน 15,000 ต้องรู้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนซื้อบ้าน  ถึงแม้จะรู้แล้วว่าเงินเดือน 15,000 บาท ซื้อบ้านได้ไหม? แต่บ้านเป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ก่อนซื้อบ้านจึงต้องเตรียมตัวให้ดี จึงจะเป็นเจ้าของได้ ซึ่งมีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่คนอยากมีบ้านแต่เงินน้อยควรรู้ดังต่อไปนี้   ศึกษาลักษณะของดอกเบี้ยบ้าน ก่อนกู้ซื้อบ้านจำเป็นต้องศึกษาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีคิดดอกเบี้ยบ้านให้ดีว่าสินเชื่อบ้านที่สนใจ คำนวณดอกเบี้ยอย่างไร? ซึ่งดอกเบี้ยบ้านมีวิธีคิดอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ ดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว และดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่ โดยดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัวอัตราดอกเบี้ยจะปรับเปลี่ยนไปตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ Mininum Loan Rate (MLR) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น เนื่องจากเป็นสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้าที่มีเครดิตทางการเงินดี Minimum Retail Rate (MRR) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี คิดดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ชนิด MLR และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่พบได้บ่อยมากที่สุดในการขอสินเชื่อบ้าน Minimum Overdraft Rate (MOR) คือ อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี เงินกู้ชนิดวงเงินเบิกเกินบัญชี โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยบ้านที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น ส่วนดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่ จะไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และพบได้บ่อยในช่วงจัดโปรโมชัน เช่น สินเชื่อบ้านธนาคาร A คิดดอกเบี้ย 3% ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก แต่หลังพ้นกำหนด 3 ปี ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว MRR +1% ซึ่งหมายความว่า หากในช่วงหลังจาก 3 ปี ธนาคารประกาศอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6% เท่ากับว่าคุณต้องจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัวเท่ากับ 6%+1% = 7%   เงื่อนไขของสินเชื่อบ้าน สัญญาสินเชื่อบ้านของแต่ละธนาคารกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ อายุ รายได้ รวมทั้งอาชีพของผู้สมัครไม่เหมือนกัน บางสินเชื่อกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นสินเชื่อเฉพาะอาชีพตามที่กำหนดเท่านั้น เช่น แพทย์ ข้าราชการ อัยการ เป็นต้น  และก่อนกู้ซื้อบ้าน ควรพิจารณาถึงระยะเวลาการผ่อนชำระด้วย ซึ่งส่วนมากแล้วธนาคารจะกำหนดให้ผ่อนบ้านเป็นเวลา 30 - 40 ปี หากผู้กู้รับราชการ หรือเห็นว่าตนเองยังมีรายได้แม้อายุเกินกว่า 60 ปีแล้ว ก็ควรเลือกผ่อนบ้าน 40 ปี เพราะยอดผ่อนชำระต่อเดือนต่ำ แต่ก็แลกมาด้วยการจ่ายดอกเบี้ยบ้านในระยะเวลาที่นานกว่าผู้ผ่อนบ้านด้วยเงื่อนไขสัญญา 30 ปี   เคลียร์หนี้เก่าให้หมดก่อน หากเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่นๆ ในระบบ ควรเคลียร์หนี้เก่าให้หมดก่อนจะขอสินเชื่อบ้าน เพราะธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบประวัติค้างชำระหนี้ของผู้กู้ผ่านฐานข้อมูลของเครดิตบูโร หากพบว่าในอดีตมีประวัติค้างชำระหนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจจะขอสินเชื่อผ่านยาก หรืออาจได้วงเงินกู้น้อยลงจนไม่สามารถยื่นซื้อบ้านที่ต้องการ   เงินเดือนไม่พอขอกู้ร่วมได้ หากคุณเป็นข้าราชการ หรือพนักงานเอกชน เงินเดือน 15,000 และเห็นว่าต้องทำงานนานหลายปีกว่าฐานเงินเดือนจะมากพอให้กู้ซื้อบ้านได้ แต่อยากเป็นเจ้าของบ้านในฝันทันที ก็ยื่นขอกู้ร่วมซื้อบ้านได้ ซึ่งวิธีการกู้ดังกล่าว จะทำสัญญาสินเชื่อร่วมกับบุคคลอื่น เพื่อเพิ่มวงเงินกู้ให้สูงมากขึ้น โดยสามารถใช้บุคคลในการกู้ร่วมได้ตั้งแต่ 1-3 คน (บางธนาคารอาจมากสุดถึง 4 คน) ซึ่งบุคคลที่นำมาทำสัญญากู้ร่วม ต้องเป็นพ่อแม่ คู่สมรส หรือพี่น้องร่วมสายโลหิต ส่วนกรณีที่เป็นคู่รักชาว LGBTQ+ ให้ยื่นทะเบียนสมรสประกอบการกู้ด้วย   อย่างไรก็ตามการกู้ร่วมซื้อบ้านก็มีข้อเสียเช่นกัน กล่าวคือ หากผู้กู้หลักผ่อนชำระไม่ไหว ภาระหนี้ทั้งหมดจะตกอยู่กับผู้กู้ร่วม โดยที่ผู้กู้ร่วมไม่สามารถขอถอนชื่อออกจากการเป็นผู้กู้ร่วมได้ ยกเว้นว่าสินเชื่อใกล้ครบสัญญา เหลือยอดค้างชำระไม่มาก หรืออยู่ในเงื่อนไขอื่นตามที่ธนาคารกำหนด   นอกจากนี้ในกรณีผ่อนบ้านครบสัญญาแล้ว และต้องการขายบ้าน หากเป็นการกู้ร่วมแบบผู้กู้ร่วมถือกรรมสิทธิ์ ก่อนจะขายได้ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องยินยอม มิเช่นนั้นการขายจะไม่สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้การขายบ้านในกรณีดังกล่าวจึงมีความยุ่งยากมากว่าการกู้ซื้อบ้านแบบทั่วไป   แนะนำ 5 โครงการบ้านน่าอยู่ พร้อมอาศัย ราคาไม่แรงที่คนเงินเดือน 15,000 ก็เป็นเจ้าของได้จาก SC Asset สำหรับใครที่รู้แล้วว่าเงินเดือน 15,000 บาท ซื้อบ้านได้ไหม? และกำลังวางแผนซื้อบ้านสักหลังราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท ต้องไม่พลาดกับ 5 โครงการทำเลทองจาก SC Asset ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เดินทางสะดวกติดถนนใหญ่ ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณกู้ร่วมซื้อบ้าน จนเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ดังต่อไปนี้   เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา บ้านสไตล์โมเดิร์นให้กลิ่นอายความร่มรื่นในแบบชานเมือง ภายในโครงการเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส Co-working Space สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมควบคุมการเข้าออกอัจฉริยะด้วยระบบ Easy-Pass กล้อง CCTV รวมทั้งสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านทั้งหลัง แถมใช้เวลาเดินทางแค่ 3 นาที ก็เชื่อมต่อกับทางด่วนสายหลักได้ง่าย ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ราคาเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านเท่านั้น   ที่ตั้งโครงการ ถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา อำเภอภูดาษ จังหวัด ฉะเชิงเทรา   วี คอมพาวด์ บางนา พบกับบ้านของคนรุ่นใหม่และทาวน์โฮมในสไตล์ลอฟต์ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครันทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และ Co-working Space มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ควบคุมการเข้าออกด้วยระบบ Easy-Pass, สัญญาณกันขโมยในตัวบ้านทั้งหลัง รวมทั้งกล้อง CCTV ซึ่งให้คุณได้เป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 2.69 ล้านบาท เท่านั้น   ที่ตั้งโครงการถนนบางบ่อ-คลองด่าน   วี คอมพาวด์ ติวานนท์ รังสิต เน็กซ์ โครงการบ้านและทาวน์โฮมที่ให้คุณสัมผัสกับบรรยากาศความเป็นครอบครัวด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ผู้คนทุกเจเนอเรชัน เช่น ฟิตเนส,Kids-Club,Virtual Class Exercise Room, SPORT CONNECT ขนาดใหญ่,ห้องซาวน่า รวมทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือที่ยาวถึง 50 เมตร และโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่ติวานนท์ ทำให้คุณเชื่อมต่อการเดินทางได้ทุกที่ ในราคาโครงการเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท   ที่ตั้งโครงการ ถนนติวานนท์ ต.บางกระดี อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี   วี คอมพาวด์ รังสิต-วิภาวดี เงินเดือน 15,000 กู้ซื้อบ้านทาวน์โฮมได้ไหม? ต้องบอกว่าได้แน่นอนกับโครงการวีคอมพาวด์รังสิต-วิภาวดี ที่ให้คุณกู้ร่วมไปกับคนรู้ใจ ด้านในโครงการจะให้ทุกคนสัมผัสกับบรรยากาศการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น ดื่มด่ำใกล้ชิดธรรมชาติด้วยดีไซน์กระจกบานใหญ่ แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร เช่น ฟิตเนส สวนส่วนกลางขนาดใหญ่, Kid’s Club และ Kid’s space มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยแบบเหนือระดับตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคุณสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเบาๆ 2.99 ล้านบาท   ที่ตั้งโครงการ ถ.รังสิต-นครนายก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี   วี คอมพาวด์ บางนา-ศรีนครินทร์ ทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น ให้คุณสัมผัสกับบ้านยุคใหม่ห้อมล้อมด้วยเทคโนโลยี Smart Home แบบครบวงจร ด้านในโครงการให้คุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันร่มรื่นของธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ Clubhouse และสระว่ายน้ำระบบเกลือ ทั้งหมดนี้ให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท   ที่ตั้ง ถ.หนามแดง-บางพลี ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม นอกจากคำถามว่าเงินเดือน 15,000 บาท ซื้อบ้านได้ไหมแล้ว ยังมีคำถามอื่นๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้   เงินเดือน 15,000 ต้องมีอายุงานนานเท่าไร ถึงจะสามารถซื้อบ้านได้ ต้องมีอายุงานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป    เงินเดือน 15,000 บาท รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม สิ่งที่หลายคนคงสงสัยต่อมา คือ เงินเดือน 15,000 รีไฟแนนซ์หลังซื้อบ้านได้ไหม คำตอบคือ ได้ เพราะรีไฟแนนซ์บ้านคือการย้ายสัญญาสินเชื่อบ้านไปผ่อนกับธนาคารแห่งใหม่ ที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยผู้กู้ต้องผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี อย่างไรก็ตามสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของแต่ละธนาคารกำหนดฐานเงินเดือนไม่เหมือนกัน ซึ่งในกรณีที่ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท ควรยื่นขอรีไฟแนนซ์กับสินเชื่อที่กำหนดเงื่อนไขรายได้ตรงกับเงินเดือนที่ได้รับ   เงินเดือน 15,000 ซื้อบ้านได้ไหม? ซื้อได้ไม่ยาก ขอแค่วางแผนการเงินที่ดี หวังว่าทุกคนคงได้คำตอบ และข้อมูลที่น่าสนใจไปอย่างครบถ้วนแล้วว่าเงินเดือน 15,000 บาท ซื้อบ้านได้ไหม? ซึ่งถ้าคุณงบน้อย แต่ฝันอยากมีบ้าน ก็ควรวางแผนให้ดีว่าโครงการแบบไหนเหมาะกับตนเองมากที่สุด ไม่สร้างภาระในการผ่อนต่อเดือนมากจนเกินไป และใครที่อยากอยู่บ้านสิ่งแวดล้อมดี เดินทางสะดวกไปได้ทุกที่ ทาง SC Asset ก็มีบ้านเหล่านี้ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รับรองว่าตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย!
Research and Knowledge
กู้ซื้อคอนโดเตรียมตัวอย่างไร ให้กู้ครั้งแรกผ่านฉลุย!Highlights ธนาคารส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้กู้ซื้อคอนโดต้องมีเงินเดือนอย่างน้อย 15,000 บาทขึ้นไป คอนโดผ่อนนานกี่ปี? ส่วนมากแล้วสัญญากู้ซื้อคอนโดจะผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี แต่ก็มีสินเชื่อบางธนาคารที่ให้ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี ก่อนกู้ซื้อคอนโดให้ปิดหนี้เก่า เดินบัญชี Statement และเก็บเงินสำรองยามฉุกเฉิน ขั้นตอนการกู้ซื้อคอนโดประกอบไปด้วย 1.การจองคอนโด 2.ทำสัญญาจะซื้อจะขาย 3.เลือกสินเชื่อคอนโดที่ต้องการ 4.ยื่นเอกสารกู้ซื้อคอนโดกับทางธนาคาร และ 5.จดจำนองพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ อยากกู้ซื้อคอนโด จำเป็นต้องมีเงินเดือนเท่าไร ถึงจะยื่นกู้ซื้อได้? ถ้ากู้ซื้อคอนโดครั้งแรก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสงสัยว่าซื้อคอนโดต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่? ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เงื่อนไขของสินเชื่อ โดยสินเชื่อส่วนใหญ่จะกำหนดให้ผู้กู้ต้องมีเงินเดือนอย่างน้อย 15,000 บาทขึ้นไป แต่ก็มีบางสินเชื่อกำหนดเงินเดือนผู้กู้เริ่มต้นที่ 12,000 บาท และปัจจัยที่ 2. คือ ราคาของคอนโด ซึ่งสามารถคำนวณหาว่าเงินเดือนของผู้กู้ผ่อนชำระคอนโดได้ในราคาเท่าไหร่? จากสูตร   เงินผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน = ราคาคอนโด/150 สมมติว่าหากต้องการซื้อคอนโดราคา 3 ล้านบาท ผู้กู้จะผ่อนชำระคอนโดได้สูงสุดต่อเดือนที่ 3,000,000/150 = 20,000 บาท โดยสูตรนี้เป็นที่มาในการหาว่าผ่อนคอนโดล้านละเท่าไหร่? ซึ่งจากยอดผ่อนต่อเดือน 20,000บาท ทำให้ประมาณการคร่าวๆ ได้ว่า ต้องผ่อนคอนโดล้านละ 7,000 บาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี และตัวเลขล้านละ 7,000 ก็เป็นที่นิยมในการนำมาประยุกต์ใช้ในการประเมินว่าซื้อบ้านหลังแรกไหวหรือไม่อีกด้วย   เมื่อได้เงินผ่อนสูงสุดต่อเดือนแล้ว ก็สามารถหาได้ว่าเงินเดือนเท่าไหร่ถึงกู้ซื้อคอนโดได้ จากสูตร เงินผ่อนสูงสุดต่อเดือน = (รายได้ต่อเดือน-ภาระหนี้ทั้งหมด) x 40%  โดยตัวเลข 40% มีที่มาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ หรือที่เรียกกันว่า Debt Service Ratio ซึ่งธนาคารพาณิชย์กำหนดระดับอัตราส่วนดังกล่าวไว้ไม่เกิน 40% เพราะถ้ามากกว่านี้ ผู้กู้จะจ่ายหนี้มากเกินไป จนกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน และอัตราส่วน Debt to Service Ratio ก็นำมาใช้ในการคำนวณหาวงเงินกู้ซื้อบ้านด้วยเช่นกัน   จากยอดการผ่อนคอนโด 20,000 บาท หากผู้กู้ไม่มีภาระหนี้สินเลย จะได้ว่าเงินเดือนที่สามารถซื้อคอนโดราคา 3 ล้านบาทได้นั่นคือ (20,000*100)/40 = 50,000 บาท   กู้ซื้อคอนโดเตรียมตัวอย่างไรถึงจะอนุมัติผ่าน? เมื่อทราบแล้วว่าการซื้อคอนโดหนึ่งแห่งต้องผ่อนเดือนเท่าไหร่ตลอดสัญญา และกำลังวางแผนกู้ซื้อคอนโดในฝัน ก็ควรเตรียมความพร้อมด้านการเงินให้ดี เพื่อให้ขอสินเชื่อผ่าน ด้วยเทคนิคต่อไปนี้   ปิดหนี้เก่า ก่อนกู้ซื้อคอนโด อันดับแรกก่อนกู้คอนโดให้เคลียร์หนี้เก่าทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระเงินในอดีต เพื่อประเมินว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้จริงหรือไม่ แต่ทั้งนี้หากกำลังอยู่ในระหว่างการผ่อนหนี้อื่น ๆ อยู่ ก็ขอสินเชื่อได้เช่นกัน แต่จะได้วงเงินกู้ต่ำกว่าคนที่ไม่มีภาระหนี้   เก็บเงินดาวน์ ลดภาระผ่อนบางส่วน ถึงแม้ว่าการกู้ผ่อนคอนโดไม่จำเป็นต้องวางเงินดาวน์ หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันใดๆ ก็จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสินเชื่อคอนโดของบางธนาคาร ไม่ได้ให้วงเงินกู้ 100% ทำให้ผู้กู้ต้องออกเงินดาวน์ และถึงแม้ว่าเงื่อนไขของสินเชื่อไม่ได้บังคับให้วางเงินดาวน์ แต่ผู้กู้ก็เลือกวางเงินดาวน์ด้วยตนเองได้เช่นกัน   ทั้งนี้บางคนก็อาจเกิดคำถามว่า เราควรวางเงินดาวน์ อย่างน้อยกี่บาท? โดยจำนวนเงินดาวน์ที่เหมาะสม คือ 20-30% ของราคาบ้าน และการวางเงินดาวน์ก็มีข้อดี คือ ช่วยให้ดอกเบี้ยบ้านหรือดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อคอนโดลดลง เช่น หากกู้ซื้อคอนโด 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3% ต่อปี ในงวดแรก หากไม่วางเงินดาวน์ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายงวดแรก คือ 3,000 บาท ในขณะที่เมื่อวางเงินดาวน์ 20% ของราคาคอนโด หรือก็คือ 200,000 บาท จะจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก 2,400 บาทเท่านั้น    เดินบัญชี Statement ให้สวย การกู้ซื้อคอนโดจะใช้เอกสาร 2 ส่วนได้แก่ 1.หลักฐานแสดงรายได้ และ 2.หลักฐานแสดงตัวตน โดยเอกสารแสดงรายได้ที่ยืนยันว่าผู้กู้มีรายได้จริง นั่นคือ บัญชีธนาคารย้อนหลัง หรือบัญชี Statement ซึ่งธนาคารจะใช้ข้อมูลย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้นก่อนกู้เงินซื้อคอนโด ควรทำให้บัญชีเงินฝากย้อนหลังเป็นบวกทุกเดือน เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระได้จริง   ทดลองผ่อนด้วยตนเอง วิธีซื้อคอนโดแบบผ่อนจำเป็นต้องจ่ายค่างวดสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน โดยไม่ผิดนัดชำระ หากอยากรู้ว่าจะผ่อนคอนโดไหวหรือไม่ ให้ลองเก็บเงินเท่ากับจำนวนเงินผ่อนเป็นประจำทุกเดือน เช่น สมมติว่าวางแผนซื้อคอนโดราคา 1 ล้านบาท ต้องผ่อนโดยเฉลี่ยเดือนละ 7,000 บาท เมื่อเงินเดือนออกก็ให้โอนเงิน 7,000 บาท เข้าบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือนเป็นเวลา 1 ปี หากระหว่างนี้เก็บเงินได้ทุกเดือน ก็ถือว่าคุณมีความพร้อมในการกู้ซื้อคอนโด   เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน บางคนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ก็นำเงินไปดาวน์ค่าคอนโดทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก เพราะอย่าลืมว่าการซื้อคอนโดเป็นภาระทางการเงินระยะยาว ในระหว่างผ่อนชำระอาจเกิดเหตุฉุกเฉินทำให้ขาดรายได้ ไม่มีเงินผ่อนได้ทุกเมื่อ และเมื่อเกิดการผิดนัดชำระ ก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในงวดถัดไปมากขึ้น ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับวิธีคิดดอกเบี้ยบ้านด้วยเหตุนี้ก่อนกู้เงินซื้อคอนโดจึงควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 1 ปี    ขั้นตอนกู้ซื้อคอนโดมีอะไรบ้างที่ต้องรู้? เมื่อปิดหนี้เก่า เตรียมเงินดาวน์พร้อม จัดการเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คุณกู้ซื้อคอนโดได้เลย ซึ่งมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้ เริ่มจองคอนโด หากเลือกโครงการคอนโดที่ต้องการได้แล้ว ให้ทำเรื่องจองคอนโด ซึ่งทางโครงการจะให้คุณกรอกเอกสารเพื่อแสดงสิทธิ์เบื้องต้นว่ามีความประสงค์ซื้อคอนโดแห่งนั้นจริง โดยในเอกสารจะมีรายละเอียด เช่น จำนวนเงินที่ต้องชำระตอนจอง ประเภทของคอนโด ขนาดของห้อง ฯลฯ เมื่อกรอกเอกสารเสร็จแล้วให้จ่ายเงินค่าจองตามที่โครงการกำหนด  ทำสัญญาจะซื้อจะขาย หลังจากทำการจองเสร็จสิ้น ทางโครงการจะนัดให้คุณมาทำสัญญาจะซื้อจะขายภายหลัง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 วัน โดยในสัญญาจะซื้อจะขายต้องมีรายละเอียดข้อมูลดังต่อไปนี้ 1.หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช.2)  2.ข้อมูลคู่สัญญา 3.รายละเอียดของสัญญา 4.ราคาขาย  5.การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์  6.ระยะเวลาการส่งมอบห้องคอนโด 7.เงื่อนไขการระงับสัญญา  8.คำรับรองของผู้จะขาย  9.ลายมือชื่อคู่สัญญาและพยาน  10.ข้อตกลงอื่นๆ (ถ้ามี) มองหาสินเชื่อซื้อคอนโด เมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายเสร็จสิ้น ให้มองหาสินเชื่อซื้อคอนโดที่ต้องการ โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขโปรโมชัน และวงเงินกู้ว่าครอบคลุมราคาคอนโดหรือไม่  ยื่นเอกสารซื้อคอนโด หลังจากได้สินเชื่อที่ต้องการแล้วให้เตรียมเอกสารยื่นกู้ซื้อดังต่อไปนี้  1.เอกสารแสดงตัวบุคคล ซึ่งประกอบด้วยบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน หากเคยเปลี่ยนชื่อให้นำหนังสือแสดงการเปลี่ยนชื่อ-สกุลมาด้วย 2.เอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้ ใบรับรองเงินเดือน/สลิปเงินเดือน/บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน 3.เอกสารแสดงการซื้อขาย สัญญาจะซื้อจะขาย สำเนาโฉนดที่ดิน สัญญาวางมัดจำ โอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของและจดจำนองที่กรมที่ดิน เมื่อสินเชื่อผ่านการอนุมัติ ธนาคารจะทำการนัดให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย เดินทางไปสำนักงานที่ดิน พร้อมตัวแทนธนาคาร เพื่อจดจำนอง และโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ธนาคาร โดยโฉนดห้องคอนโดฉบับจริง ธนาคารจะเป็นผู้เก็บไว้ ส่วนผู้กู้ก็สามารถเข้าอยู่อาศัยได้เลย และเริ่มผ่อนชำระตามที่กำหนด เมื่อผ่อนครบสัญญา ผู้กู้จะได้โฉนดฉบับจริงกลับมา เพื่อแสดงว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์   แนะนำคอนโดตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จาก SC Asset  เมื่อรู้แล้วว่าขั้นตอนการกู้ซื้อคอนโดทำได้อย่างไร? และกำลังวางแผนเป็นเจ้าของคอนโดสักห้อง ที่ทำให้เดินทางสะดวกไปได้ทุกที่แม้ไม่มีรถยนต์ ห้ามพลาดกับ 4 โครงการน่าสนใจจากทาง SC Asset ที่มาพร้อมกับโปรโมชันจัดหนักจัดเต็ม จนทำให้การกู้เงินธนาคารซื้อคอนโดเป็นเรื่องง่าย    โค้บบ์ รัชดา-พระราม9 คอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจรที่ทำให้การใช้ชีวิตใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส, Co-working Space, สระว่ายน้ำ, ห้องโยคะ ฯลฯ ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม และเซ็นทรัลพระราม 9 ราคาห้องเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท   เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ คอนโดดีไซน์ล้ำสมัยให้คนรุ่นใหม่มีแรงบันดาลใจออกไปใช้ชีวิตในทุกวัน ทำเลศักยภาพใกล้ BTS วงเวียนใหญ่ 130 เมตร ห่างจากสะพานตากสินไม่ถึง 300 เมตร ให้คุณมุ่งสู่สาทรได้อย่างง่ายดาย ด้านในโครงการมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน อาทิ เลานจ์ส่วนตัว ออนเซ็น สระว่ายน้ำ ทั้งหมดนี้ให้คุณเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท   โค้บ เกษตร-ศรีปทุม คอนโดทำเลทองใกล้ 2 มหาวิทยาลัยดัง อยู่ห่างจาก BTS บางบัว 0 เมตร มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับไลฟ์ไตล์กิน เที่ยว เล่น ชิลล์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องประชุม ห้องโยคะ และ Co-working Space ในราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท   เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส ให้ชีวิตดื่มด่ำไปกับธรรมชาติมากกว่าที่เคย กับคอนโดหรูใจกลางเมือง เดินทางได้ทุกที่อย่างไร้รอยต่อ ด้วยทำเลทองติด MRT สถานีพหลโยธิน และ BTS ห้าแยกลาดพร้าว พักผ่อนหย่อนใจไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส อ่างจากุชชี่ ล็อบบี้ส่วนตัว ห้องสตรีม ฯลฯ ในราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกู้ซื้อคอนโด คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการกู้ซื้อคอนโดมีดังต่อไปนี้   Retention คอนโดกับ Retention บ้านต่างกันหรือไม่ การ Retention บ้านกับ Retention คอนโด มีขั้นตอนเหมือนกัน เพราะ retention คือ การทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารแห่งเดิม โดยแต่ละธนาคารจะเสียค่าธรรมเนียมการรีเทนชั่นแตกต่างกันออกไป และใช้เอกสารประกอบการ Retention ได้แก่ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และสัญญาเงินกู้    กู้ร่วมซื้อคอนโดทำได้อย่างไร การยื่นกู้ร่วมซื้อคอนโดเหมือนกับการกู้ร่วมซื้อบ้านโดยผู้กู้จะต้องเป็นคนในครอบครัว สามีภรรยา หรือคู่รักชาว LGBTQ+ ที่จดทะเบียนสมรส และผู้กู้ร่วมจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ อายุ 20 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย  ไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้ หรือไม่มีภาระหนี้สินมากเกินไป มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด  กู้ซื้อคอนโด ไม่ยาก แค่ศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อม! ทุกคนคงได้ข้อมูลน่าสนใจกันไปอย่างครบถ้วนแล้วว่าการกู้ซื้อคอนโดมีขั้นตอนอย่างไร และเงินเดือนเท่าไหร่ถึงยื่นกู้ซื้อคอนโดได้ ทั้งนี้เมื่อผ่อนคอนโดไปสักระยะหนึ่งแล้ว อย่าลืมรีไฟแนนซ์เป็นประจำ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้าน คือการทำเรื่องขอกู้สินเชื่อกับธนาคารแห่งใหม่ ที่เสนอเงื่อนไขดีกว่าธนาคารเดิม หากหมั่นรีไฟแนนซ์เป็นประจำ รับรองปิดหนี้คอนโดเร็วกว่าที่คิด!
Research and Knowledge